บทบาทหน้าที่ของเภสัชกรโรงพยาบาล นอกจากต้องพัฒนาบทบาทหน้าที่ ภายใต้มาตรฐานวิชาชีพเภสัช กรรมโรงพยาบาล ซึ่งกำหนดโดยสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) และต้องปฏิบัติตามข้อบังคับต่างๆ ที่กำหนดโดยสภาเภสัชกรรม แต่ในการทำงานของเภสัชกรในโรงพยาบาลซึ่งต้องทำหน้าที่เป็นกรรมการ ผู้ช่วยเลขานุการ และเลขานุการในคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงานต่างๆ จำเป็นต้องปะเมินและ พัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้ที่มีคุณลักษณะบทบาทหน้าที่ของเภสัชกรในระบบสุขภาพตามที่องค์การอนามัยโลกได้ให้ แนวคิด คือ “Seven-star pharmacist” ซึ่งรายละเอียดของแต่ละคุณลักษณะและบทบาท แสดงไว้ ดังนี้ 1. ผู้ให้การดูแล (Caregiver): เภสัชกรสามารถให้บริการที่เกี่ยวข้องกับงานทางวิชาชีพเภสัชกรรม เช่น ความรู้ทางคลินิก ความรู้ทางเทคโนโลยีเภสัชกรรม การผลิต กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสามารถบูรณาการ ระบบยา การบริการสุขภาพ และพัฒนาการดำเนินการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับบุคลากรสุขภาพ ในวิชาชีพอื่นๆ เภสัชกรที่ควรมีบทบาท
“ผู้ให้การดูแล” ได้แก่ “เภสัชกรที่รับผิดชอบงานบริบาลทางเภสัชกรรมทั้งผู้ป่วย
นอก และผู้ป่วยในจำเป็นต้องฝึกฝนพัฒนาบทบาทของผู้ให้การดูแล”2. ผู้สื่อสาร (Communicator): เภสัชกรต้องประสานระหว่างแพทย์
และผู้ป่วย รวมทั้งบุคลากรสุขภาพ อื่นๆ เภสัชกรจึงต้องมีความรู้ ความสามารถ
และความมั่นใจในการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลากรสุขภาพและ 3. สมาชิกในชุมชน ทักษะการสื่อสารที่ดีของเภสัชกรจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ
และเกิด ความร่วมมือในการดูแลสุขภาพเพราะผู้ป่วยเข้าใจ และยอมรับคำแนะนำจากเภสัชกร
เภสัชกรที่ควรมีบทบาท “ผู้สื่อสาร” ได้แก่
“เภสัชกรที่รับผิดชอบงานเภสัชสนเทศ มีความจำเป็นที่ต้อง
ฝึกฝนทักษะการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบยา
รวมทั้งสื่อสารให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจได้ง่าย ต่อผู้ป่วยและประชาชน” 3.
ผู้ตัดสินใจ (Decision-maker): เภสัชกรสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิผล
เหมาะสม มี ประสิทธิภาพในการเลือกใช้และจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร
ยา สารเคมี เครื่องมือ กระบวนการ และแนวทางปฏิบัติ
เภสัชกรต้องแสดงบทบาทสำคัญในการร่วมกำหนดนโยบายด้านยาทั้งใน ระดับกลุ่มงาน
ระดับโรงพยาบาล และระดับชาติ เภสัชกรในโรงพยาบาลต้องร่วมตัดสินใจในการคัดเลือก
ว่ายาใดเป็นยาที่เหมาะสมที่จะเข้ามาเป็นยาในบัญชียาโรงพยาบาล เภสัชกรต้องสามารถประเมิน
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินเลือกกระบวนการรักษาที่เหมาะสม เภสัชกรที่ควรมีบทบาท “ผู้ตัดสินใจ” ได้แก่ “หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม
และหัวหน้างานต่างๆ ต้องมี ความสามารถในการตัดสินใจภายใต้ข้อมูล
และหลักฐานเอกสารเชิงประจักษ์เพื่อการพัฒนาระบบยา และระบบบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย”
4. ผู้นำ(Leader): เภสัชกรต้องมีบทบาทเป็นผู้นำในระบบสุขภาพในการตัดสินใจ
สื่อสารและจัดการงาน ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ ผู้นำคือ ผู้ที่สามารถสร้างความคิด
วิสัยทัศน์ และกระตุ้นทีมให้สามารถ ดำเนินการให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์บทบาทของเภสัชกรที่เป็นผู้นำที่มีประสิทธิผลต้องสามารถทำให้เกิด
คุณภาพการรักษาที่มีคุณภาพสูง ปรับปรุงระบบความปลอดภัยด้านยา
และเกิดผลลัพธ์ในการทำงานที่มี ประสิทธิภาพ เภสัชกรที่ควรมีบทบาท “ผู้นำ” ได้แก่ “หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม
และหัวหน้างานต่างๆ ต้องฝึกฝน ตนเองในการเป็นผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์
สร้างงานนวัตกรรมที่มีประสิทธิผล นำมาพัฒนางาน และ เป็นผู้ที่หมั่นเรียนรู้พัฒนา
และส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรในหน่วยงานให้ร่วมเป็นผู้นำในองค์กร” 5. ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long learner): เภสัชกรต้องเรียนรู้
ติดตามข้อมูลวิทยาการต่างๆ ในการดูแล รักษาโรค ความรู้เรื่องยา กฎหมายต่างๆ
ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เภสัชกรที่ควรมีบทบาท “ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต”
ได้แก่ “เภสัชกรทุกคนในกลุ่มงานเภสัชกรรม
ต้องพัฒนา ตนเองเป็นผู้ที่เรียนรู้ตลอดชีวิต” 6. ผู้จัดการ (Manager):
เภสัชกรต้องทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั้งทรัพยากร คน เงิน
และข้อมูลต่างๆ ที่มี พร้อมทั้งพัฒนาและดูแลนโยบาย แนวปฏิบัติต่างๆ เป้าหมาย
วัตถุประสงค์ ระบบประกันคุณภาพ ความ ปลอดภัย
สิ่งแวดล้อมและมาตรฐานการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล 4 เภสัชกรที่ควรมีบทบาท
“ผู้จัดการ” ได้แก่ “เภสัชกรที่ทำงานด้านวิจัยพัฒนา จำเป็นที่ต้องฝึกฝนทักษะ
การเป็นผู้จัดการโครงการ งานวิจัยต่างๆ ให้สามารถดำเนินการภายใต้งบประมาณ ระยะเวลา
และ ทรัพยากรต่างๆ ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด” 7. ครู
(Teacher): เภสัชกรสามารถอบรมและให้ความรู้แก่เภสัชกร
ประชาชนทั่วไป นิสิต นักศึกษา รวมทั้ง บุคลากรสุขภาพอื่นๆ ทั้งในเรื่องยา
การดูแลรักษาโรค การสร้างเสริมสุขภาพ และเรื่องต่างๆ ที่จะทำให้ เกิดสุขภาวะสำหรับผู้ป่วย
เภสัชกรที่ควรมีบทบาท “ครู” ได้แก่ “เภสัชกรที่ดูแลการฝึกปฏิบัติงานของนิสิต/นักศึกษา ต้องมีทักษะ
ความเป็นครูที่สามารถออกแบบกระบวนการถ่ายทอดความรู้ ประเมินผลการเรียนรู้
รวมทั้งสามารถให้ ความรู้กับประชาชน และบุคลากรในโรงพยาบาล”
ดูบทบาทของอาชีพเภสัชกรในแต่ละสาขา อาทิ เภสัชกรโรงพยาบาล เภสัชกรในโรงงานยา และอื่นๆ ผ่านคลิปวีดีโอ From here You can go everywhere ผลิตและนำแสดงโดยนักศึกษาเภสัชศาสตร์ของเราได้ที่ตามลิงก์ด้านล่างนี้
https://youtu.be/r2wucf-Cd94
ลักษณะของงานที่ทำ
ค้นคว้าและพัฒนาสูตรยาตำรับใหม่ๆเพื่อขึ้นทะเบียนและส่งสูตรที่สำเร็จแล้วให้ฝ่ายผลิตเพื่อทำการผลิตยาออกจำหน่าย ควบคุมการผลิตยาให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ วิเคราะห์ ตรวจสอบยาที่ผลิตให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ปรุงยา จ่ายยาและสิ่งที่เกี่ยวข้องตามใบสั่งหรือตามสูตร เตรียมการผลิตยา เช่นยาน้ำ ยาขี้ผึ้ง ยาผง ยาเม็ดกลม ยาเม็ดแบน แค็ปซูล และยาฉีดตามใบสั่งของแพทย์หรือตามสูตรที่ได้รับการรับรองแล้ว ชี้แจงแก่แพทย์ พยาบาลและผู้ปฏิบัติงานในแขนงอื่นๆ ทางการแพทย์เกี่ยวกับยา เคมีภัณฑ์และการใช้สิ่งนั้นๆ ควบคุมและจ่ายยาเสพติดให้โทษ ยาพิษ และสารพิษที่ต้องการใช้เพื่อการแพทย์ กิจการในบ้าน อุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรม และจ่ายสิ่งนั้นๆ ตามกฎข้อบังคับ ทำหน้าที่วิเคราะห์และทดสอบตามปกติ เพื่อให้ทราบชนิดความบริสุทธิ์และความแรงของยา จัดระเบียบและควบคุมรักษายาในคลังทำบัญชีประจำคลังโดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ยาเสพติดให้โทษ ยาอันตราย ยาสามัญ เคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ในการแพทย์ อาจจัดซื้อเวชภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์และสะสมเครื่องใช้ในการแพทย์ไว้จ่ายแก่คนไข้ และห้องรักษาโรค อาจผลิต จำหน่าย และชี้แจงเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น สุขภัณฑ์ เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์สำหรับเกษตรกรรมและพืชสวน และยาสำหรับสัตว์ ศึกษาวิธีการปฏิบัติงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งวิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่นเครื่องจักรที่ใช้ผลิตยา เครื่องมือในการวิเคราะห์ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของเครื่องมือ
สภาพของการทำงาน
ผู้ประกอบอาชีพเภสัชกรอาจต้องทำงานในห้องทดลอง เพื่อปฏิบัติงานด้านปรุงยา จ่ายยาและสิ่งที่เกี่ยวข้องตามใบสั่งหรือสูตร เตรียมหรือควบคุมการผลิตยา (ยาน้ำ ยาขี้ผึ้ง ยาผง ยาเม็ดกลม ยาเม็ดแบน แคปซูล และยาฉีด) ตามใบสั่งของแพทย์ หรือตามสูตรที่รับรองกันแล้ว ทำการทดสอบยา ต้องอยู่กับสารเคมีที่ต้องใช้ในการทดสอบ ซึ่งสารเคมีในห้องปฏิบัติการทดลองอาจจะทำปฏิกิริยาที่ทำให้เป็นอันตรายได้ ดังนั้น จึงต้องรู้จักวิธีใช้ และวิธีป้องกันรวมทั้งปฏิบัติงานตามขั้นตอนตามระเบียบที่กำหนดไว้ ต้องทำงานในบริเวณที่กำหนด และเป็นบริเวณห้ามสูบบุหรี่หรือรับประทานอาหารต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก เป็นต้น
เภสัชกรอาจจะทำงานในห้องจ่ายยา
หรือร้านขายยาโดยทำหน้าที่ควบคุมการจัดยาให้ถูกต้องตามแพทย์สั่ง
จัดระเบียบควบคุมรักษายาในคลัง และแนะนำคนไข้ในการใช้ยา